สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักก็คือ การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศทุกด้าน แต่รัฐบาลแทบทุกยุคสมัยกลับไปมุ่งเน้น เฉพาะการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก บางรัฐบาลจัดให้การศึกษาอยู่ในลำดับความสนใจกลุ่มท้าย ๆ และแม้ปัจจุบันจะอยู่ในช่วงปฏิรูปทางการศึกษา มีการลงทุนก้อนโต แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าจะนำไปสู่การพัฒนาแท้จริงหรือไม่ ดังปรากฏข้อเท็จจริงว่าเรามีงบประมาณด้านการศึกษาถึงสามแสนล้านบาท แต่เมื่อประเมินผลการศึกษาก็พบว่าไม่ได้เน้นการพัฒนาในเชิงคุณภาพ เห็นจาก การสอบวัดผลของนักเรียนระดับมัธยมปลายคราวที่ผ่านมา ส่วนใหญ่คะแนนออกมาต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานทั้งสิ้น
แนวคิดเกี่ยวกับปัญหานโยบายการศึกษาแห่งชาติ
ขอเสนอแนวคิดเกี่ยวกับปัญหานโยบาย ในยุคที่รัฐบาลหาเสียงโดยยึดหลักประชานิยม ดังนี้
1. นโยบายด้านการศึกษา ต้องเกิดจากความจริงใจในการพัฒนา เพราะต้องใช้เวลานานเกินสมัยที่รัฐบาลครองอำนาจ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่เน้นประชานิยม จะไม่สนใจนโยบายการศึกษา
2. นโยบายที่ผู้นำรัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา ดูดีทั้งนั้น แต่ปัญหาจริงๆ อยู่ที่การนำนโยบายไปปฏิบัติ(Implementation) ว่ารัฐบาลจะมีความจริงใจ ต่อนโยบายที่ตนแถลงเพียงใด
3. นโยบายด้านการศึกษาที่ผ่านมา สวนทางโดยสิ้นเชิงกัยวิธีปฏิบัติ ทีให้มีการประเมิน โดยทั้ง สมศ. และ กพร. 2 องค์กรนี้มีพันธกิจหลักในการ "พัฒนา" ระบบการศึกษา และระบบราชการ แต่ศึกษาดูดีๆ จะพบว่า 2 หน่วยนี่แหละทำให้การพัฒนาทั้งการศึกษา และระบบราชการต้องล่าช้า ด้วยรายละเอียดการประเมิน ตัวชี้วัดต่างๆ ที่ค่อนข้างไร้สาระ แต่ทำให้ผู้ปฏิบัติงานจริงเสียเวลามากมาย
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ(มีนาคม 2544) ได้เสนอปัญหาอุปสรรคในการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายการศึกษา ดังนี้
1) การเสียสิทธิของประชาชนในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2) การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญไม่ลงถึงการปฏิบัติ
3) วิกฤติศรัทธาต่อครู
4) มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
5) การกระจายอำนาจการจัดการศึกษาสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
6) วิทยาศาสตร์การศึกษา
7) การปฏิรูปการอาชีวศึกษา
8) การปฏิรูปอุดมศึกษา
9) วิกฤติด้านคุณธรรมจริยธรรม
ปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวมีสาเหตุแห่งปัญหาร่วมกันคือ
1) การขาดการประสานงานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
2) ความล่าช้าของกระบวนการพิจารณากฎหมาย กฎกระทรวง และกฎหมายอื่น
3) การขาดแคลนทรัพยากรเพื่อการปฏิรูปการศึกษา
4) ช่องว่างระหว่างหน่วยงานนโยบายและหน่วยงานปฏิบัติ
No comments:
Post a Comment